ประเทศไทยประกาศความพร้อมจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” รายการ “พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ 2026” (PT Grand Prix of Thailand 2026) ซึ่งจะจัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2569 โดยได้รับเกียรติให้เป็น “สนามเปิดฤดูกาล” ของการแข่งขันโมโตจีพีเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องประชุมชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ การกีฬาแห่งประเทศไทย (หัวหมาก) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), นายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, อัมปาโร ปอร์โต ผู้อำนวยการอาวุโส ดอร์น่า สปอร์ต และ นายดนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ร่วมแถลงข่าว
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า“ปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จของประเทศไทย หลังจากที่เราผ่านช่วงสถานการณ์โควิด-19 มาได้ วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง และอาจกล่าวได้ว่าคึกคักยิ่งกว่าช่วงเริ่มต้นด้วยซ้ำ จากตัวเลขที่เติบโตขึ้นในทุกมิติ ทั้งจำนวนผู้เข้าชมที่มากกว่า 200,000 คน และมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สร้างรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการจัดการแข่งขัน ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า MotoGP ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็น “เครื่องมือสำคัญของประเทศ” ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการยกระดับวงการกีฬาไทยให้ก้าวสู่ระดับโลก ในด้านของการพัฒนานักกีฬา ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเรา เราได้เห็นนักแข่งไทยอย่าง ‘น้องก้องสมเกียรติ จันทรา’ ก้าวขึ้นไปสร้างชื่อเสียงบนเวทีโลก และยังมีนักแข่งรุ่นใหม่อีกหลายคนที่กำลังรอโอกาส ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเส้นทางที่เราดำเนินมาตลอด 6 ปีนั้น ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงได้เห็นถึงคุณค่าและศักยภาพของประเทศไทยในการจัดการแข่งขัน และได้ต่อสัญญา MotoGP ออกไปอีก 5 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณแห่งความเชื่อมั่นจากทั้งผู้จัดและทั่วโลก ว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นหนึ่งในสนามสำคัญของปฏิทิน MotoGP “
“ปีนี้เรายังได้รับเกียรติให้เป็น ‘สนามเปิดฤดูกาล’ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ และเราได้หารือกับทาง Dorna แล้วว่า ประเทศไทยพร้อมและมีความตั้งใจที่จะรักษาสิทธิ์นี้ไว้ต่อเนื่องในระยะยาว เพราะเรามีศักยภาพ มีประสบการณ์ และมีเสน่ห์ในแบบไทย ที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกเสมอมา”
“ความสำเร็จทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการผลักดันให้ MotoGP เกิดขึ้นและเติบโตในประเทศไทยอย่างยั่งยืน นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่สัญญาฉบับใหม่สิ้นสุด จะครบ 10 ปีเต็มที่ MotoGP อยู่คู่กับประเทศไทย และผมเชื่อมั่นว่าในอนาคต เราจะยังได้ร่วมกันสานต่อความสำเร็จนี้ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมครับ”
นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เผยว่า“ในนามของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ผมขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับความสำเร็จของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอีกครั้งหนึ่ง ที่ได้รับโอกาสและความไว้วางใจให้จัดการแข่งขันรายการสำคัญระดับโลก ผมเองมีโอกาสติดตามพัฒนาการของรายการนี้มาตั้งแต่ครั้งแรก เห็นถึงความตั้งใจ ความทุ่มเท และการสืบสานต่อยอดความสำเร็จในทุกปี ซึ่งเติบโตและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง”
“ถือเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราทุกคน แน่นอนครับว่าความสำเร็จของงานนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงลำพัง แต่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และที่สำคัญคือพี่น้องชาวบุรีรัมย์ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและยอดเยี่ยมในทุกครั้งที่ผ่านมากองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติเองเห็นถึงความสำคัญของรายการนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่คือเวทีที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก ทั้งด้านกีฬา การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในภูมิภาค เราจึงพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่”
” เพื่อให้การแข่งขันในปีนี้และในอนาคตประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นสุดท้ายนี้ ขอชื่นชมทุกฝ่ายที่ร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นศูนย์กลางกีฬามอเตอร์สปอร์ตของภูมิภาค และขออวยพรให้การแข่งขันในปีนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ครับ”
อัมปาโร ปอร์โต ผู้อำนวยการอาวุโส ดอร์น่า สปอร์ต ระบุว่า
“ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ไทยจีพีได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ประเทศไทยสามารถจัดการแข่งขันระดับโลกได้อย่างยอดเยี่ยม ความสำเร็จในวันนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และพี่น้องชาวไทยทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มที่และในวันนี้ ดิฉันขอเรียนว่า การต่อสัญญาได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ประเทศไทยจะยังคงเป็นเจ้าภาพ MotoGP ต่อไปอีก 5 ปี ซึ่งถือเป็นการยืนยันว่า ‘ประเทศไทยคือหนึ่งในตลาดที่สำคัญที่สุดของ MotoGPโดยเฉพาะบรรยากาศของแฟนโซน ที่สะท้อนให้เห็นถึงพลัง ความหลงใหล และแฟชั่นอันเป็นเอกลักษณ์ของแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สิ่งเหล่านี้คือเสน่ห์และจุดแข็งที่ทำให้โลกจดจำ ดิฉันเชื่อมั่นว่า หลังจากนี้เราจะยังคงได้ร่วมกันสานต่อความสำเร็จของ Thai GP ให้ยิ่งใหญ่และยั่งยืนต่อไปอีกนานเท่านานค่ะ”
สำหรับปี 2026 ไทยยังคงได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการ ทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล (Pre-Season Test) ระหว่างวันที่ 21–22 กุมภาพันธ์ 2569 ก่อนเปิดฉากศึกจริงในสัปดาห์ถัดไป ถือเป็นก้าวสำคัญของไทยในฐานะ “ฮับมอเตอร์สปอร์ตแห่งภูมิภาคอาเซียน” และเป็นปีที่ 7 ติดต่อกันที่ประเทศไทยอยู่ในปฏิทินการแข่งขันระดับโลก
โดยปีนี้ ผู้จัดประกาศแนวคิดหลักของงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “More Than a Race” ชูความยิ่งใหญ่ทั้งในและนอกสนาม เพิ่มกิจกรรมบันเทิงครบวงจร พร้อมสิทธิพิเศษ “3-in-1 Global Exclusive” สำหรับผู้ถือบัตรเข้าชม ซึ่งสามารถเข้าชมได้ทั้ง 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ Pre-Season Test, Main Race และกิจกรรมบันเทิงตลอดสุดสัปดาห์
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าทำลายสถิติยอดผู้ชมสูงสุด และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการผลักดันอุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ตสู่ระดับสากล
ติดตามข่าวสารกองทุนได้ทุกช่องทาง
Facebook : กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย
Website : https://nsdf.or.th/
YouTube : https://www.youtube.com/@nsdf2483
Instagram : https://www.instagram.com/nsdfthailand/
X(Twitter) : https://x.com/NSDF_Thailand
TikTok : https://www.tiktok.com/@nsdfthailand




































