กองทุนกีฬาตรวจเยี่ยมประเมินอาการของ สุรีย์รัตน์ อรรถอินทรีย์ อดีตนักกีฬากระโดดน้ำทีมชาติและลูกจ้าง กกท.ที่ล้มป่วยทุพพลภาพ

ผู้อำนวยการกองกำกับดูแลกองทุนกีฬาพร้อมด้วยหัวหน้างานบริหารกองทุนกีฬา เดินทางไปตรวจเยี่ยมเพื่อประเมินอาการของ สุรีย์รัตน์ อรรถอินทรีย์ อดีตนักกีฬากระโดดน้ำทีมชาติไทยและลูกจ้าง กกท. ที่ล้มป่วยและทุพพลภาพ ก่อนจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป

นางรุ่งทิวา รอดโพธิ์ทอง ผู้อำนวยการกองกำกับดูแลกองทุนกีฬา พร้อมด้วยนายวรศักดิ์ ขันติบัณฑิต หัวหน้างานบริหารกองทุนกีฬา และทีมงานกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 533 หมู่ 12 ซอยรามคำแหง 170 ถนนรามคำแหง แขวงและเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจเยี่ยมมอบของใช้จำเป็น และประเมินอาการของนางสาวสุรีรัตน์ อรรถอินทรีย์ อดีตนักกีฬากระโดดน้ำทีมชาติไทย ซึ่งเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ก่อนจะเกิดอาการแขนขาอ่อนแรงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กลายเป็นผู้ทุพพลภาพโดยสิ้นเชิง โดยมีมารดาคอยดูแล

เบื้องต้นผู้อำนวยการกองกำกับดูแลกองทุนกีฬา เปิดเผยว่าหลังจากนี้ต้องรอใบรับรองแพทย์ ว่าจะประเมินอาการของสุรีย์รัตน์ให้อยู่ในระดับใด เพื่อที่ทางกองทุนจะได้พิจารณาในการให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการ ทั้งเงินค่าครองชีพรายเดือน และอุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น รถเข็น, เบาะรองนั่ง, เบาะรองนอน และอื่นๆต่อไป

สำหรับสุรีรัตน์ อรรถอินทรีย์ อดีตนักกีฬากระโดดน้ำทีมชาติไทย ปัจจุบันอายุ 42 ปี โดยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬากระโดดน้ำชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ.2538-2541 รวมทั้งเข้าร่วมการแข่งขันรายการระดับนานาชาติ ทั้งการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพใน พ.ศ.2541 และการแข่งขันซีเกมส์อีก 2 ครั้ง คือซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ใน พ.ศ.2538 และซีเกมส์ครั้งที่ 19 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ใน พ.ศ.2541 นอกจากนี้สุรีรัตน์ ยังเป็นอดีตลูกจ้างของการกีฬาแห่งประเทศไทยอีกด้วย

ทั้งนี้หากมีนักกีฬาหรืออดีตนักกีฬาที่ต้องการขอความช่วยเหลือด้านสวัสดิการจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ สามารถยื่นความจำนงผ่านกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพื่อรับการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของกองทุนต่อไป ซึ่งมีอดีตนักกีฬาที่เจ็บป่วยและทุพพลภาพ ที่ได้รับสวัสดิการช่วยเหลือจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติจำนวน 12 คน อาทิ อดีตนักกีฬาฟุตบอล, บาสเกตบอล, ยกน้ำหนัก, มวยปล้ำ และจักรยาน เป็นต้น

กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
2 มีนาคม 2563